วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วิธีการเลือกซื้อ USB Flash Drive

 เชื่อว่าผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทุกท่าน น่าจะต้องรู้จักและมี USB Flash Drive ไว้ใช้งานหรือพกพาบ้างอยู่แล้ว  บางท่านอาจจะเรียกชื่ออื่นๆที่แตกต่างกันออกไป เช่น USB Drive หรือ Flash Drive หรือ Thumb Drive หรือ USB Stick หรือบางทีเรียกสั้นๆว่า USB ก็มี  ...........ไม่ว่าจะเรียกว่าอย่างไร เจ้า USB Flash Drive เหล่านี้ก็ยังอุปกรณ์ที่จำเป็น และคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะซื้อ USB Flash Drive เพื่อใช้งานในลักษณะแตกต่างกัน เช่น เก็บและถ่ายโอนไฟล์ข้อมูล หรือบางท่านอาจใช้เพื่อติดตั้งโปรแกรมต่างๆ   ไม่ว่าท่านที่กำลังมองหา USB Flash Drive ชิ้นแรกในชีวิตหรือต้องการซื้อเพื่อทดแทนของเดิมก็ตาม  วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการเลือกซื้อ USB Flash Drive ชิ้นใหม่  เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าเงินกับวัตถุประสงค์การเลือกซื้อของท่านมากที่สุด

ด้านขนาดความจุ "จุมากแพงมาก จุน้อยแพงน้อย จริงหรือ"
ขนาดความจุของ USB Flash Drive จะมีหน่วยเป็น Byte (อ่านว่าไบต์)
เป็นเรื่องปกติที่สินค้าขนาดความจุมากจะ มีราคาสูงกว่า และผู้ผลิตยี่ห้อตามท้องตลาดจะพยายามตั้งราคาแต่ละความจุให้ห่างกันมากที่ สุด ซึ่งทำให้ลูกค้าไม่กล้าซื้อ USB Flash Drive ที่มีความจุตั้งแต่ 8GB ขึ้นไป เพราะราคาแพงมาก ....แต่ปัจจุบัน มีผู้ผลิต USB Flash Drive อิสระบางรายที่ตั้งราคาตามความเป็นจริง สมเหตผล ทำให้ลูกค้าที่ต้องการ USB Flash Drive ความจุตั้งแต่ 4GB, 8GB, 16GB และ 32GB ขึ้นไป มีทางเลือกมากขึ้น



ด้านรูปลักษณ์  "ดีไซน์ซ้ำกับคนอื่น ระวังหาย+โหล"
ในความเป็นจริง ผู้ผลิต USB Flash Drive ที่เน้นยี่ห้อ ของตนในตลาด IT จะไม่มีดีไซน์ให้ลูกค้าเลือกมากนัก เพราะเน้นผลิตจำนวนมากๆ ทำให้ลูกค้าต้องใช้สินค้าเหมือนคนอื่นๆ อาจหยิบผิดหรือสูญหายได้ง่าย ....ถ้าต้องการเลือกซื้อ USB Flash Drive ที่ให้เอกลักษณ์และไม่ซ้ำใคร  ลูกค้าอาจเลือกซื้อจากผู้ผลิตอิสระได้เช่นกัน  ทั้งนี้ควรมั่นใจว่าเป็นผู้ผลิตที่กล้ารับประกันสินค้าให้ 5 ปีเช่นเดียวกับผู้ผลิตยี่ห้อตามท้องตลาด  จะทำให้ลูกค้าได้รับคุณภาพสูงที่สุด


ด้านราคา  "ราคาถูกความเร็วถูก(ช้า)ไปด้วย"
ราคาขาย USB Flash Drive จะขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบร่วมกัน ได้แก่
  • ขนาดความจุมาก-น้อย  ถ้าความจุมาก ราคาจะสูงขึ้น
  • * สินค้าในคลัง เก่าค้างสต็อคหรือสินค้าผลิตใหม่  ควรเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตใหม่ไม่ค้างสต็อค เพราะเป็นอุปกรณ์ที่มีการปรับปรุงเทคโนโลยีใหม่ทุกๆวัน  จะเห็นว่า สินค้าที่ผลิตคนละเดือนจะมีความเร็วแตกต่างกัน  ซึ่งผู้ผลิตสินค้ายี่ห้อตามท้องตลาดจะไม่บอกเรื่องนี้กับลูกค้า
  • เทคโนโลยี Speed เร็ว-ช้า  เทคโนโลยีใหม่จะแพงกว่าเทคโนโลยีเก่า
  • วัสดุในการผลิต โลหะ, ไม้, ยาง, พลาสติก  รวมถึงคุณภาพของวัสดุ จะบ่งบอกถึงความหรูหราหรือเรียบง่าย
  • ดีไซน์การออกแบบ ถ้าเป็นยี่ห้อตามท้องตลาดจะได้ดีไซน์เดิมๆเหมือนกันทั่วโลก แต่เราสามารถเลือกดีไซน์ใหม่ๆ ไม่ซ้ำ จากผู้ผลิตอิสระได้
  • จำนวนสั่งซื้อ ถ้าสั่งซื้อจำนวนมากเพื่อทำโปรโมชั่น ผู้ซื้อจะได้ราคาพิเศษพร้อมทำโลโก้และกล่องบรรจุอย่างดีให้

ด้านประสิทธิภาพการทำงาน
"เร็วเพียงพอกับเทคฯเดิมที่เเพร่หลาย หรือสุดยอดความเร็วกับเทคฯล่าสุด"
เพราะได้รับการสนับสนุนจากผู้ผลิต ฮาร์แวร์และซอฟท์แวร์ชั้นนำของโลก ทำให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับอุปกรณ์ USB Flash Drive อย่างต่อเนื่อง  ดังที่เราเคยได้ยินคำว่า USB 1.1, USB 2.0 และเร็วๆนี้ เราอาจจะเริ่มได้ยิน USB 3.0 กันมาบ้างไม่มากก็น้อย

เราสามารถวัดประสิทธิภาพการทำงานของ USB Flash Drive ได้จากความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลกับอุปกรณ์อื่นๆ แบ่งเป็น ความเร็วในการเขียน (Write) และความเร็วในการอ่าน (Read) มีหน่วยเป็น B/S หรือ Bit/S (บิตต่อวินาที) ปัจจุบันเทคโนโลยี "Hi-Speed USB 2.0" ยังคงได้รับความนิยมสูงสุดในโลก และให้ความเร็วเพียงพอต่อการใช้งานที่ไม่ต้องการความเร่งรีบตลอดเวลา

แต่สำหรับท่านที่ต้องการความสุดยอดของเทคโนโลยี  ผมขอแนะนำเทคโนโลยี "Super-Speed USB 3.0" ที่ให้ความเร็วในการเขียน-อ่านข้อมูลเร็วมากกว่า 10 เท่าของ USB 2.0  ซึ่งนอกจากท่านจะได้ปริมาณงานมากขึ้นในเวลาเท่าเดิมแล้ว ยังจะช่วยลดเวลาทำงานให้น้อยลงด้วย ยกตัวอย่างเช่น การถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ เช่นไฟล์ภาพยนตร์ ไฟล์โปรแกรม ขนาดเกินกว่า 500 MB ได้ในเวลาเพียง 1.5 นาทีขณะที่ USB 2.0 ต้องใช้เวลานานกว่า 4-5 นาที  ลองคิดดู ถ้าเกิดต้องโอนไฟล์งานบ่อยๆ  เราจะได้เวลาเหลือมากขึ้นเป็นชั่วโมงเลยครับ

การเลือกประเภทเทคโนโลยีของ USB Flash Drive ควรทดสอบความเร็วด้วยตนเองจะดีที่สุด และอาจสังเกตสัญลักษณ์ที่ฉลากหรือบนตัว USB Flash Drive ประกอบด้วย

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก http://gaddygo.com/cms.php?id_cms=12

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น